แต่งงานไม่ใช่แค่จัดงานสวยๆ ใส่ชุดเจ้าสาวหล่อเจ้าบ่าว แล้วก็โพสต์ลงโซเชียลให้เพื่อนอิจฉาเล่นๆ นะ แต่การแต่งงานคือการเริ่มต้น “ชีวิตคู่” แบบจริงจัง ชีวิตที่ต้องมีทั้งความเข้าใจ การยอมรับ และการเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจะวันดีหรือวันดราม่า

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า… เราพร้อมแต่งงานแล้วจริงๆ? ลองมาไล่เช็กลิสต์ฉบับจริงใจนี้กันดีกว่า บอกเลยว่าใครกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ หรือกำลังคิดจะคบใครยาวๆ ห้ามพลาด!

แต่งงาน

10 เช็กลิสต์ เช็กตัวเองและคนรักพร้อม แต่งงาน แล้วหรือยัง?

1. คุยกันเรื่อง “อนาคต” ได้แบบไม่อึดอัด

ถ้ายังไม่กล้าคุยกันเรื่องอนาคต เช่น จะมีลูกไหม? วางแผนเก็บเงินยังไง? จะอยู่บ้านใคร? แล้วอาชีพอีกฝ่ายไปทางไหน? แปลว่าอาจยังไม่พร้อมนะ เพราะชีวิตคู่ที่ดีต้องมีทิศทางเดียวกันอย่างน้อย 70%

ลองเช็กดูว่าเราสองคนสามารถนั่งคุยกันแบบเปิดใจ โดยไม่รู้สึกเครียดหรือกลัวคำตอบกันไหม ถ้าคุยแล้วรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดความคิดจริงๆ แบบไม่ต้องกลัวทะเลาะ แสดงว่าเริ่มโอเคแล้ว

2. รู้จักนิสัยลับๆ ของกันและกัน (และยอมรับได้)

ชีวิตหลังแต่งงานไม่ได้เหมือนตอนเดต มันจะมีช่วงที่อีกฝ่ายใส่เสื้อยืดขาดๆ อยู่บ้าน หรือเสียงกรนดังเหมือนรถไฟกำลังแล่นผ่านหัว ก็เป็นเรื่องปกติ

บางคนอาจเพิ่งรู้ว่าแฟนเป็นคนเก็บของไม่เป็น หรือไม่ชอบล้างจานเลยตั้งแต่เด็ก (แถมยังภูมิใจ) ถ้าเราเจอสิ่งพวกนี้แล้วไม่รู้สึกว่าโลกจะถล่ม แถมยังมีอารมณ์ขันรับมือได้ ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่า “เรายอมรับในความเป็นเขา” ได้จริงๆ

3. มีเรื่องที่ทะเลาะ… แต่ยังอยู่ด้วยกันได้

คู่รักที่ไม่เคยทะเลาะกันเลย อาจดูเหมือนคู่ในฝัน แต่ในชีวิตจริงคือ…มีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน! การทะเลาะกันแบบมีเหตุผล ไม่ใช่เรื่องผิด แถมยังทำให้เข้าใจกันมากขึ้นอีกด้วย

ถ้าเราสองคนผ่านช่วงที่มีปัญหา แต่ยังกลับมานั่งจับมือคุยกันได้ ยังเคารพความคิดของกันและกัน และยอมถอยให้กันบ้าง เท่ากับว่าความสัมพันธ์เราแข็งแรงพอจะเผชิญเรื่องหนักๆ ร่วมกันหลังแต่งงานแน่นอน

4. คุยกันเรื่อง “เงิน” อย่างเปิดเผย

เรื่องเงินนี่แหละ ตัวดีที่ทำให้ชีวิตคู่ล่มมาเยอะแล้ว การคุยกันเรื่องเงินก่อนแต่งงานไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด แต่มันคือ “การวางแผนชีวิตคู่แบบผู้ใหญ่”

ลองถามกันตรงๆ เลยว่า รายได้ใครเป็นยังไง? มีหนี้ไหม? แพลนใช้จ่ายยังไง? จะเปิดบัญชีร่วมไหม? ถ้าคุยกันได้แบบไม่หลบหน้า ไม่โกรธ และหาทางออกร่วมกันได้ ก็ผ่านด่านนี้ไปเลย

5. เชื่อใจกันได้จริงหรือเปล่า?

ถ้าแต่งงานแล้วยังต้องแอบเช็กโทรศัพท์อีกฝ่ายอยู่ นั่นแปลว่า “ใจยังไม่พร้อม” เพราะการใช้ชีวิตคู่ ต้องมีความเชื่อใจเป็นพื้นฐาน

ถ้าเราเชื่อใจเขาได้แบบไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจ หรือซ่อนอะไรไว้ แถมเขาเองก็ไว้ใจเราแบบเดียวกัน แบบนี้แหละถึงจะเรียกว่า “พร้อมใช้ชีวิตคู่”

6. รับมือกับครอบครัวของอีกฝ่ายได้

อย่าลืมว่า การแต่งงานคือการผูกพันกับครอบครัวอีกฝ่ายด้วย ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น ถ้าเจอพ่อแม่แฟนที่เข้มงวด หรือญาติที่พูดมาก แล้วเราไม่รู้สึกอยากหนี แถมยังพยายามเข้าใจและรับมือด้วยใจจริง แสดงว่าเราก็ “พร้อม” แล้วนะ

สำคัญสุดคือ แฟนเราต้องเป็นคนกลางที่ดี รู้จักปกป้องเราในเวลาที่ต้องปกป้อง และไม่ปล่อยให้เราลำบากใจอยู่คนเดียว

7. มีพื้นที่ส่วนตัวให้กัน

ถึงจะรักกันแค่ไหน แต่ก็ต้องมี “พื้นที่ส่วนตัว” ให้กัน เช่น วันหยุดอยากอยู่เงียบๆ หรืออยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ถ้าทั้งสองคนเข้าใจ และให้โอกาสกันได้อย่างไม่มีดราม่า นั่นแหละคือความสัมพันธ์ที่โตพอ

ชีวิตคู่ไม่ได้หมายถึงต้องตัวติดกันตลอดเวลา แต่คือการอยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจ ไม่ละเมิดพื้นที่ของอีกฝ่าย

8. คิดถึงอนาคตร่วมกันแล้วรู้สึก “อยากไปต่อ”

บางคู่พอพูดถึงการใช้ชีวิตร่วมกันแล้วรู้สึกเครียด เหมือนต้องแบกภาระไปด้วยกัน แต่ถ้าเราเป็นคู่ที่พูดถึงอนาคตแล้วรู้สึกว่า “เฮ้ย อยากไปด้วยว่ะ” รู้สึกสนุก ตื่นเต้น และพร้อมลุยทุกอย่างด้วยกัน

นี่แหละคือหัวใจของการใช้ชีวิตคู่ที่แท้จริง เพราะคนที่เราอยากใช้ชีวิตด้วย…ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟกต์ แต่เขาต้องเป็นคนที่ “เราอยากโตไปด้วยกัน”

9. มีเป้าหมายชีวิตในทิศทางที่ไม่สวนทางกัน

ไม่ต้องเหมือนกันเป๊ะๆ แต่ต้องไม่ขัดกันจนน่าเป็นห่วง เช่น คนหนึ่งอยากใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดเงียบๆ ส่วนอีกคนอยากลุยทำงานในเมืองใหญ่ แบบนี้ก็อาจจะต้องคุยกันยาว

ลองมองเป้าหมายในชีวิตกันดูว่า มีอะไรที่สามารถสนับสนุนกันได้ไหม? และถ้าจำเป็นต้องปรับตัวเข้าหากัน เราสามารถทำได้โดยไม่ฝืนตัวเองหรืออีกฝ่ายมากเกินไปไหม?

10. พร้อม “เปลี่ยนตัวเอง” ไม่ใช่แค่หวังให้เขาเปลี่ยน

ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องของ “ใครจะยอมใคร” แต่คือการปรับตัวเข้าหากัน ถ้าเรารู้ว่าเราพร้อมจะปรับบางอย่าง เพื่อให้ใช้ชีวิตด้วยกันได้ดีขึ้น โดยที่ไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ หรือเสียตัวตนไปทั้งหมด นั่นแปลว่าเราพร้อมแล้วจริงๆ

ในขณะเดียวกัน เราต้องยอมรับว่าเขาก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่เปลี่ยนง่ายๆ และเราต้องอยู่กับสิ่งนั้นให้ได้ด้วยใจจริง

ก่อน แต่งงาน ควรคุยทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่อยากแต่งก็แต่ง

สรุปแล้ว…การจะแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของความรักเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของความเข้าใจ ความไว้ใจ และการเติบโตไปด้วยกัน ถ้าเช็กลิสต์เหล่านี้แล้วคุณสองคนยังยิ้มให้กันได้อยู่ แปลว่า “ความรักครั้งนี้มีโอกาสไปได้ไกล” และอาจถึงเวลาที่จะเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตคู่แล้วจริงๆ เหมือนกับการลุ้นหวยไวที่ต้องวัดใจกันทุกวินาที แต่ถ้าคู่กันแล้ว…ยังไงก็ไม่พลาดรางวัลใหญ่แน่นอน!❤️